ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ คือ ภาวะที่เกิดมีการอักเสบของต่อมน้ำเหลืองที่อาจเกิดจากการติดเชื้อของเนื้อเยื่อและ/หรืออวัยวะต่างๆแล้วส่งผลให้ต่อมน้ำเหลืองข้างเคียงเกิดการอักเสบตามไปด้วย โดยไม่มีการติดเชื้อในต่อมน้ำเหลือง(เช่น ฟันผุ แล้วส่งผลให้ต่อมน้ำเหลืองที่คออักเสบ) หรือจากการอักเสบติดเชื้อของต่อมน้ำเหลืองเอง(เช่นวัณโรคต่อมน้ำเหลือง) หรือจากการอักเสบของต่อมน้ำเหลืองโดยไม่ได้มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อก็ได้ (เข่น ในโรคออโตอิมมูน)
ต่อมน้ำเหลือง
เป็นเนื้อเยื่อในระบบน้ำเหลือง โดยมีลักษณะเป็นก้อนเล็กๆรูปไข่ นุ่ม
เคลื่อนที่ได้เล็กน้อย มีขนาดเล็กเป็นมิลลิเมตร
ในภาวะปกติมักคลำไม่พบเพราะจะอยู่ปนไปกับเนื้อเยื่อไขมันและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันต่างๆ
ต่อมน้ำเหลืองจะมีกระจายอยู่ทั่วตัวในทุกอวัยวะยกเว้นในสมอง มีหน้าที่สำคัญ
คือเป็นตัวดักจับสิ่งแปลกปลอมต่างๆที่เข้าสู่ร่างกายโดยเฉพาะเชื้อโรคนอกจากนั้นยังมีหน้าที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันต้านทานโรคให้กับร่างกายด้วย
ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ
เป็นภาวะที่พบได้บ่อยมาก
โดยเฉพาะที่เกิดจากมีการติดเชื้อของเนื้อเยื่อ/อวัยวะใดๆแล้วส่งผลให้เกิดการอักเสบของต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้เคียงตามมา
แต่ไม่มีรายงานความชุกของภาวะนี้อย่างไรก็ตาม
เป็นภาวะที่พบได้ในทุกวัยตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ
และพบได้ในทั้งในเพศหญิงและเพศชายเท่าๆกัน
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดต่อมน้ำเหลืองอักเสบ
- มีแผลและ/หรือการอักเสบในอวัยวะต่างๆเช่น ผิวหนัง ช่องปาก อวัยวะเพศ
- มีการติดเชื้อในอวัยวะระบบต่างๆของร่างกาย
- มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ เช่น โรคเอดส์
- ผู้ป่วยมะเร็ง
สาเหตุของต่อมน้ำเหลืองอักเสบ
- เกิดจากการติดเชื้อของเนื้อเยื่อและ/หรืออวัยวะต่างๆเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด แล้วส่งผลทำให้ต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้เคียงอักเสบตามไปด้วยโดยไม่มีการติดเชื้อที่ต่อมน้ำเหลือง
- อาการจากการมีแผลหรือการอักเสบของอวัยวะใกล้เคียงเช่น โรคเหงือก ฟันผุ หรือมีไข้ อ่อนเพลีย เจ็บคอ ไอ ร่วมด้วย เมื่อมีการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ เช่นโรคหวัด โรคหัด หรือต่อมน้ำเหลืองโต บวม แดง เจ็บ เป็นหนองที่มีสาเหตุเกิดจากต่อมน้ำเหลืองติดเชื้อแบคทีเรีย เป็นต้น
อาการของต่อมน้ำเหลืองอักเสบ
โดยปกติแล้วอาการของต่อมน้ำเหลืองอักเสบมักจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและบริเวณที่มีต่อมน้ำเหลืองอักเสบอยู่
อาการหลักๆที่พบได้คือ ต่อมน้ำเหลืองบวมโต มีอาการกดเจ็บที่ต่อมน้ำเหลือง นอกจากนั้น
ยังมีอาการอื่นๆร่วมด้วย ดังนี้
- มีอาการบวม หรือกดเจ็บที่บริเวณต่อมต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอ รักแร้ และขาหนีบ
- ต่อมน้ำเหลืองเกิดอาการแข็งตัว หรือขยายตัวอย่างผิดปกติ
- ผิวหนังบริเวณที่ต่อมน้ำเหลืองอักเสบแดง หรือมีริ้วสีแดงขึ้น
- มีหนองในต่อมน้ำเหลือง
- มีของเหลวไหลออกมาจากต่อมน้ำเหลืองและคั่งอยู่ที่ผิวหนัง
- ผิวหนังบริเวณรอบๆต่อมน้ำเหลืองที่อักเสบมีอาการบวม
ซึ่งนอกจากนี้ยังอาจพบอาการอื่นๆที่เกิดร่วมกับการอักเสบของต่อมน้ำเหลือง
ได้แก่ ระบบทางเดินหายใจส่วนบนผิดปกติ เช่น มีไข้ คัดจมูก เจ็บคอ แขนหรือขาบวม
มีเหงื่อออกขณะนอนหลับ
การรักษา
การรักษาต่อมน้ำเหลืองอักเสบ
คือ การรักษาสาเหตุ เช่น การหยุดยาหรือปรับเปลี่ยนยาเมื่อสาเหตุเกิดจากยา การทำฟัน
เมื่อสาเหตุเกิดจากฟันผุ การรักษาแผลต่างๆเมื่อสาเหตุเกิดจากแผล การให้ยาปฏิชีวนะเมื่อสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
การรักษาวัณโรคเมื่อสาเหตุเกิดจากเชื้อวัณโรค
และการรักษาโรคมะเร็งเมื่อมีสาเหตุเกิดจากโรคมะเร็ง เป็นต้น นอกจากนั้นคือ
การรักษาประคับประคองตามอาการ เช่น การให้ยาแก้ปวด ถ้ามีอาการปวดต่อมน้ำเหลืองมาก
การป้องกันต่อมน้ำเหลืองอักเสบ
วิธีป้องกันที่ดีที่สุดของภาวะต่อมน้ำเหลืองอักเสบคือ
ผู้ป่วยควรรีบไปพบแพทย์ทันทีที่มีอาการไข้ซึ่งเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือการอักเสบ
โดยหากมีอาการบวมกดเจ็บ และคลำเจอก้อนใต้ผิวหนัง หรือรู้สึกเหมือนมีตุ่มเล็กๆ
ขึ้นที่ใต้ผิวหนังบริเวณใดบริเวณหนึ่งในร่างกายอย่างผิดปกติ ไม่ควรเจาะ หรือเกา
เนื่องจากอาจทำให้อาการยิ่งรุนแรง หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้
สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการต่อมน้ำเหลืองอักเสบนั้น
สามารถป้องกันอาการรุนแรงหรือการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ โดยการรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งและทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
อีกทั้งยังควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาทุกชนิดหากไม่ได้ปรึกษาแพทย์ก่อน
เมื่อมีอาการเจ็บปวด หรือมีอาการบวมบริเวณที่เป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบ
ควรใช้ของเย็นประคบ จะช่วยบรรเทาอาการได้ ทั้งนี้ หากและปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม
อาการต่อมน้ำเหลืองอักเสบก็อาจหายอย่างรวดเร็ว
แต่คงต้องใช้ระยะเวลาสักพักว่าอาการต่อมน้ำเหลืองบวมจะลดลง
ผู้ป่วยควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด
หากมีสัญญาณบ่งบอกถึงการกลับมาเป็นซ้ำของต่อมน้ำเหลืองอักเสบควรรีบไปพบแพทย์ทันที
เพื่อให้วางแผนและหาวิธีป้องกันความรุนแรงของต่อมน้ำเหลืองอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การดูแลตนเอง
การดูแลตนเองเมื่อมีต่อมน้ำเหลืองอักเสบคือ
การดูแลตามสาเหตุนั้นๆ(เช่น การดูแลโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นต้น)
ร่วมกับการดูแลสุขภาพทั่วไป
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน(สุขบัญญัติแห่งชาติ)
- รักษาความสะอาดต่อมน้ำเหลืองส่วนนั้น ไม่คลำบ่อย ไม่เกา เพราะจะเพิ่มโอกาสติดเชื้อได้
- กินอาหารมีประโยชน์ 5 หมู่ให้ครบในทุกวันเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงจากการได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน
- ออกกำลังกายตามควรกับสุขภาพทุกวัน
- ดูแลตนเองตามสาเหตุของโรคเช่น โรคมะเร็ง วัณโรค เป็นต้น
- ถ้ามีการพบแพทย์ ควรปฏิบัติตามแพทย์ พยาบาลแนะนำ และกินยาต่างๆที่แพทย์สั่งให้ครบถ้วน ถูกต้อง ไม่ขาดยาและไม่หยุดยาเอง ร่วมกับพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลตามนัดเสมอ
ฉะนั้นอาการที่เกิดร่วมกับภาวะต่อมน้ำเหลืองอักเสบจะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยสาเหตุ
ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อการรักษา
เพราะภาวะต่อมน้ำเหลืองโตอาจมีอาการคล้ายกับปัญหาสุขภาพอื่นๆดังนั้นจึงควรรีบไปพบแพทย์หากเกิดอาการเหล่านี้
เพื่อแพทย์จะได้ตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น