วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

รู้ทันไวรัส HPV ตัวร้าย สาเหตุสำคัญของมะเร็งปากมดลูก


โดย  พญ.ธีรดา  คล้ายสุวรรณ  พยาธิแพทย์
  

            มะเร็งปากมดลูกเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆของหญิงไทย ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการติดเชื้อไวรัส HPV (Human papilloma virus) โดยการมีเพศสัมพันธ์ อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดอื่นแล้ว มะเร็งปากมดลูก สามารถป้องกันและรักษาให้หายขาดได้ ถ้าสามารถตรวจพบได้เร็วในระยะก่อนเป็นมะเร็ง แต่สาเหตุสำคัญที่ทำให้โรคนี้ยังเป็นกันมากในปัจจุบัน เนื่องจากผู้หญิงส่วนใหญ่มักปฏิเสธการตรวจภายในเพื่อตรวจหาเซลล์มะเร็งปากมดลูกเพียงเพราะอายหรือไม่กล้ามาตรวจ

ไวรัส HPV กับโรคมะเร็งปากมดลูก
            ปัจจุบันข้อมูลทางวิชาการบ่งชัดว่าสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งปากมดลูก เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV ซึ่งมีอยู่ประมาณหลายสายพันธุ์ ผู้หญิงเรามีโอกาสติดเชื้อไวรัส HPV อยู่แล้วในช่วงหนึ่งของชีวิต แต่ร่างกายสามารถกำจัดเชื้อไปได้เองเรียกว่าติดเชื้อแบบชั่วคราว แต่ในบางครั้งร่างกายก็ไม่สามารถกำจัดเชื้อได้โดยเฉพาะสาเหตุมาจากไวรัส HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง (โดยเฉพาะ HPV สายพันธุ์ 16 และ 18) ก็จะมีความเสี่ยงสูงที่จะก่อให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูกในอนาคต

การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
1.       ตรวจหาเซลล์ผิดปกติที่ปากมดลูกหรือที่เรียกกันติดปากว่า ตรวจ Pap smear” เป็นการตรวจหาเซลล์
      ผิดปกติแบบดั้งเดิม สถานพยาบาลส่วนใหญ่ในประเทศไทยใช้วิธีนี้กัน มีข้อดีคือราคาถูก แต่ปัญหาคือ 
      มีความไวของการตรวจหาเซลล์ผิดปกติค่อนข้างต่ำ (40-70%)
2.       วิธี “Thin Prep” เป็นการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทางเซลล์วิทยาเช่นเดียวกับ Pap smear แต่เพิ่มความไวของการตรวจหาเซลล์ผิดปกติ (80-90%)
3.       ปัจจุบันมีการตรวจที่เรียกว่า “Thin prep plus HPV” เป็นการตรวจการตรวจ Thin prep ร่วมกับ การตรวจหาเชื้อไวรัส HPV โดยตรง ซึ่งการตรวจแบบนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มแรกได้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์
  
ความแตกต่างระหว่าง “Thin prep plus HPV” และการตรวจ “Pap smear”
การตรวจมะเร็งปากมดลูกแบบ “Pap smear” ปกตินั้น จะสามารถตรวจหาได้ก็ต่อเมื่อเกิดโรคแล้วเท่านั้น จึงต้องตรวจเป็นประจำทุกปี เพื่อสามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ในระยะเริ่มแรก แต่ การตรวจด้วย“Thin prep plus HPV”  เป็นการผนวกรวมของ (Thin prep + ตรวจหาเชื้อไวรัส HPV)  ดังนั้น เมื่อผลการตรวจหาเชื้อ HPV และการตรวจ Thin Prep ให้ผลเป็นลบทั้งคู่ ก็จะสามารถสรุปได้ว่า ไม่มีความเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูกอย่างแน่นอน 100% ในระยะเวลา 3 ปี นับจากวันที่ตรวจ จึงสามารถเว้นการตรวจเป็นทุก 3 ปีแทนการตรวจทุกๆ ปี

ข้อแนะนำสำหรับผู้หญิงในการเลือกวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
        -  การตรวจคัดกรองครั้งแรก  ควรเริ่มทำหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกประมาณ 3 ปี หรือเมื่อถึงอายุ 
                   21 ปี   แล้วแต่ว่าเวลาใดมาถึงก่อน  
              -   กลุ่มผู้หญิงอายุน้อยกว่า 30 ปี  ควรทำการตรวจคัดกรองทุกปี เพราะมีหลักฐานพบว่า กลุ่มหญิงอายุ
                  น้อยกว่า 30 ปี มีโอกาสเสี่ยงมากกว่ากลุ่มอื่นที่มีอายุมากกว่า ในการติดเชื้อ human papillomavirus
                  (HPV ) ชนิดความเสี่ยงสูงที่ก่อมะเร็ง  
              -  กลุ่มอายุมากกว่า 30 ปี มีสองทางเลือก
                     1. ตรวจ “Pap smear” เพียงอย่างเดียว โดยทำการการตรวจปีละครั้ง หากผลเป็นปกติ (Negative) 
        ติดต่อกัน 3 ปี  หลังจากนั้นสามารถรับการตรวจคัดกรองทุกๆ 2-3 ปีได้
    2. ตรวจ“Thin prep plus HPV” ถ้าผลการตรวจคัดกรองปกติ(Negative) ทั้งสองอย่าง ให้ตรวจได้
        ห่างขึ้นทุกๆ 3 ปี แต่ถ้าผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็จำเป็นต้องรับการตรวจบ่อยขึ้น

สุดท้ายนี้ขอฝากไว้ว่า การป้องกันย่อมดีกว่าการรักษา จึงถึงเวลาแล้วที่ผู้หญิงทุกวัยจะหันมาดูแลสุขภาพภายในของตัวเองอย่างจริงจัง โดยมาพบแพทย์เพื่อรับการตรวจคัดกรองประจำปี เสียตั้งแต่วันนี้
 





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

โรคไบโพล่าร์ (Bipolar Disorder)

Embed from Getty Images  โรคไบโพล่าร์ (Bipolar Disorder)            ปัจจุบันโลกเราทุกวันนี้มีแต่การแข่งขัน แก่งแย่งกันตลอดเวลา จนทำ...