โดย พญ.ธีรดา คล้ายสุวรรณ พยาธิแพทย์
มะเร็งปากมดลูกเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆของหญิงไทย
ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการติดเชื้อไวรัส HPV (Human papilloma virus) โดยการมีเพศสัมพันธ์ อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดอื่นแล้ว
มะเร็งปากมดลูก สามารถป้องกันและรักษาให้หายขาดได้
ถ้าสามารถตรวจพบได้เร็วในระยะก่อนเป็นมะเร็ง แต่สาเหตุสำคัญที่ทำให้โรคนี้ยังเป็นกันมากในปัจจุบัน
เนื่องจากผู้หญิงส่วนใหญ่มักปฏิเสธการตรวจภายในเพื่อตรวจหาเซลล์มะเร็งปากมดลูกเพียงเพราะอายหรือไม่กล้ามาตรวจ
ไวรัส
HPV
กับโรคมะเร็งปากมดลูก
ปัจจุบันข้อมูลทางวิชาการบ่งชัดว่าสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งปากมดลูก
เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV
ซึ่งมีอยู่ประมาณหลายสายพันธุ์ ผู้หญิงเรามีโอกาสติดเชื้อไวรัส HPV
อยู่แล้วในช่วงหนึ่งของชีวิต แต่ร่างกายสามารถกำจัดเชื้อไปได้เองเรียกว่าติดเชื้อแบบชั่วคราว
แต่ในบางครั้งร่างกายก็ไม่สามารถกำจัดเชื้อได้โดยเฉพาะสาเหตุมาจากไวรัส HPV
สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง (โดยเฉพาะ HPV
สายพันธุ์ 16 และ 18) ก็จะมีความเสี่ยงสูงที่จะก่อให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูกในอนาคต
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
1. ตรวจหาเซลล์ผิดปกติที่ปากมดลูกหรือที่เรียกกันติดปากว่า
“ตรวจ Pap smear” เป็นการตรวจหาเซลล์
ผิดปกติแบบดั้งเดิม
สถานพยาบาลส่วนใหญ่ในประเทศไทยใช้วิธีนี้กัน มีข้อดีคือราคาถูก แต่ปัญหาคือ
มีความไวของการตรวจหาเซลล์ผิดปกติค่อนข้างต่ำ (40-70%)
2. วิธี “Thin Prep” เป็นการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทางเซลล์วิทยาเช่นเดียวกับ Pap
smear แต่เพิ่มความไวของการตรวจหาเซลล์ผิดปกติ (80-90%)
3. ปัจจุบันมีการตรวจที่เรียกว่า
“Thin
prep plus HPV” เป็นการตรวจการตรวจ Thin prep ร่วมกับ
การตรวจหาเชื้อไวรัส HPV โดยตรง ซึ่งการตรวจแบบนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มแรกได้ถึง
100 เปอร์เซ็นต์
ความแตกต่างระหว่าง
“Thin
prep plus HPV” และการตรวจ “Pap smear”
การตรวจมะเร็งปากมดลูกแบบ “Pap smear” ปกตินั้น จะสามารถตรวจหาได้ก็ต่อเมื่อเกิดโรคแล้วเท่านั้น
จึงต้องตรวจเป็นประจำทุกปี เพื่อสามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ในระยะเริ่มแรก แต่ การตรวจด้วย“Thin
prep plus HPV” เป็นการผนวกรวมของ (Thin prep + ตรวจหาเชื้อไวรัส HPV) ดังนั้น เมื่อผลการตรวจหาเชื้อ HPV และการตรวจ Thin Prep ให้ผลเป็นลบทั้งคู่
ก็จะสามารถสรุปได้ว่า ไม่มีความเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูกอย่างแน่นอน 100%
ในระยะเวลา 3 ปี นับจากวันที่ตรวจ จึงสามารถเว้นการตรวจเป็นทุก 3 ปีแทนการตรวจทุกๆ
ปี
ข้อแนะนำสำหรับผู้หญิงในการเลือกวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
- การตรวจคัดกรองครั้งแรก ควรเริ่มทำหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกประมาณ
3 ปี หรือเมื่อถึงอายุ
21 ปี แล้วแต่ว่าเวลาใดมาถึงก่อน
- กลุ่มผู้หญิงอายุน้อยกว่า 30 ปี ควรทำการตรวจคัดกรองทุกปี
เพราะมีหลักฐานพบว่า กลุ่มหญิงอายุ
น้อยกว่า 30 ปี มีโอกาสเสี่ยงมากกว่ากลุ่มอื่นที่มีอายุมากกว่า ในการติดเชื้อ human papillomavirus
(HPV ) ชนิดความเสี่ยงสูงที่ก่อมะเร็ง
- กลุ่มอายุมากกว่า 30 ปี มีสองทางเลือก
1. ตรวจ “Pap smear” เพียงอย่างเดียว โดยทำการการตรวจปีละครั้ง หากผลเป็นปกติ (Negative)
ติดต่อกัน 3 ปี
หลังจากนั้นสามารถรับการตรวจคัดกรองทุกๆ 2-3 ปีได้
2. ตรวจ“Thin prep plus
HPV” ถ้าผลการตรวจคัดกรองปกติ(Negative) ทั้งสองอย่าง
ให้ตรวจได้
ห่างขึ้นทุกๆ 3 ปี แต่ถ้าผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่ง
ก็จำเป็นต้องรับการตรวจบ่อยขึ้น
สุดท้ายนี้ขอฝากไว้ว่า
การป้องกันย่อมดีกว่าการรักษา จึงถึงเวลาแล้วที่ผู้หญิงทุกวัยจะหันมาดูแลสุขภาพภายในของตัวเองอย่างจริงจัง
โดยมาพบแพทย์เพื่อรับการตรวจคัดกรองประจำปี เสียตั้งแต่วันนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น