การตรวจแมมโมแกรม (Digital
Mammogram)
บทความโดย พญ.ศิรพร พิเนตศิริ (รังสีแพทย์ โรงพยาบาลแมคคอร์มิค)
การตรวจเต้านมด้วยวิธีแมมโมแกรมมีความละเอียดสามารถช่วยการวินิจฉัยโรคมะเร็งเต้านมได้ตั้งแต่ระยะแรกที่ก้อนเล็กยังตรวจคลำไม่พบ
สตรีที่มี อายุ 40 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งควรได้รับการตรวจตั้งแต่อายุ
35 ปีขึ้นไป และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีสตรีที่ได้รับยาฮอร์โมนทดแทน
Digital Mammogram
การทำแมมโมแกรม
เป็นการเอ็กซเรย์เต้านมด้วยเทคนิคพิเศษ โดยใช้แผ่นอุปกรณ์บีบเนื้อเต้านม
เพื่อช่วยให้ได้ภาพชัดเจนขึ้น ปัจจุบันใช้เทคโนโลยีสร้างภาพขึ้นด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์แทนการใช้ฟิลม์เอ็กซเรย์
เรียกว่า Digital mammogram ซึ่งใช้ปริมาณรังสีน้อยลง
และได้ภาพคมชัดยิ่งขึ้น ทำให้ แมมโมแกรมสามารถตรวจพบเนื้องอกได้ตั้งแต่ยังมีขนาดเล็กมากจนคลำจากภายนอกไม่พบ
ซึ่งการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วย Mammogram เป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลายรวมทั้งประเทศไทย
แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีจุดอ่อน เนื่องจากเต้านมของผู้หญิงนั้นมีความหนาแน่นและลักษณะที่แตกต่างกันไป
สำหรับผู้หญิงเอเชียและผู้หญิงไทยส่วนใหญ่จะมีเต้านมแบบ Dense คือ เต้านมขาว ซึ่งอาจมีสิ่งผิดปกติซ่อนเร้น
ทำให้การตรวจหานั้นทำได้ยากขึ้น จึงเกิดนวัตกรรมล่าสุด
“Digital
Brest Tomosynthesis”
ซึ่งเป็นการตรวจ Mammogram ด้วยระบบ 3 มิติ สามารถตรวจเต้านมโดยการถ่ายภาพเนื้อเต้านมออกมาเป็นแผ่นบางๆ ทีละชั้นๆละ 1 mm. ในมุม 15 องศา ในการถ่ายภาพ tomosynthesis 1 ครั้ง จะได้ภาพออกมาครั้งละประมาณ 50 slice ถ่ายภาพทั้งหมด 4 ครั้ง(ข้างละ 2 ครั้ง) เพราะฉะนั้นในการตรวจ แพทย์จะได้ภาพทั้งหมดถึง 200 ภาพ ในระยะห่างกันเพียงภาพละ 1 mm. ทำให้แพทย์สามารถมองเห็นเนื้อเต้านมที่เคยซ้อนกันอยู่ได้ชัดเจนและละเอียดมากยิ่งขึ้น แม้ว่าเต้านมจะมีความแน่นและหนาทึบรวมทั้งผู้ป่วยที่ผ่าตัดเสริมเต้านม จึงสามารถระบุตำแหน่งรอยโรคและความผิดปกติได้ชัดเจนและแม่นยำมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้การถ่ายเพิ่มน้อยลง
นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลยังมีโปรแกรมที่สามารถถ่ายภาพทั้ง
2 มิติ และ3มิติ ใน 1 ครั้ง
ทำให้
ผู้ป่วยไม่ต้องถูกกดเต้านมหลายครั้งและลดเวลาการตรวจลง การถ่ายภาพ 2 มิติ 1ครั้งใช้เวลา 4 วินาที การถ่ายภาพรวม 2 และ3มิติ ใน1ครั้ง ใช้เวลาประมาณ 9 วินาที
ผู้ป่วยไม่ต้องถูกกดเต้านมหลายครั้งและลดเวลาการตรวจลง การถ่ายภาพ 2 มิติ 1ครั้งใช้เวลา 4 วินาที การถ่ายภาพรวม 2 และ3มิติ ใน1ครั้ง ใช้เวลาประมาณ 9 วินาที
การทำแมมโมแกรมใช้วิธียิงให้ลำแสงเอ็กซเรย์จากด้านหนึ่ง
ทะลุเนื้อเต้านมไปตกบนแผ่นรับรังสีที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
แล้วนำรังสีที่ตกบนแผ่นรับไปสร้างภาพ หากเต้านมแน่นมาก
อาจจะบดบังการทะลุผ่านของรังสีได้
แพทย์จึงแนะนำให้ทำควบคู่ไปกับการตรวจอุลตร้าซาวด์เต้านม
ที่ใช้วิธีส่งคลื่นเสียงเข้าไปในนม ให้ไปตกกระทบบนเนื้อเต้านมและตัวเนื้องอก
แล้วสะท้อนกลับมายังตัวรับคลื่นเสียงที่อยู่ด้านเดียวกันกับตัวส่งคลื่นเสียงออกไป
โดยวิธีนี้แม้เนื้อเต้านมจะแน่น ก็ยังสามารถสร้างภาพจากเสียงสะท้อนได้อยู่
จึงทำให้ได้ผลที่ชัดเจนและแม่นยำมากยิ่งขึ้น
การเตรียมตัวสำหรับตรวจแมมโมแกรม
1.งดทาเครื่องสำอางหรือแป้งบริเวณต่ำกว่าคอลงมา
งดฉีดน้ำหอม ไม่ทาลูกกลิ้งที่รักแร้ และเต้านมทั้ง 2 ข้าง
เนื่องจากสารเหล่านี้จะบดบังรอยโรค และไม่ต้องเตรียมตัวอย่างอื่นใดเพิ่มเติม
2.เวลาที่เหมาะสมในการตรวจแมมโมแกรมคือช่วง
7 วันหลังจากเริ่มประจำเดือนเพราะเป็นช่วงที่เต้านมไม่บวมน้ำมาก
ทำให้ไม่เจ็บหรืออึดอัดเวลาตรวจ แต่ในกรณีมีก้อนหรือหญิงวัยหมดประจำเดือน สามารถรับบริการตรวจได้เลย
ผู้หญิงทุกคน
ควรได้รับการตรวจเป็นพื้นฐานอย่างน้อยหนึ่งครั้งหรือปีเว้นปีในช่วงอายุ 35-40 ปี
หลังจากอายุ 40 ปี ควรตรวจเป็นประจำทุกปีโดยเฉพาะหญิงที่มีประวัติมะเร็งเต้านม
ในครอบครัวหรือญาติด้านมารดา ควรตรวจเป็นประจำ ทุกปีตั้งแต่อายุ 35 ปี
ถึงแม้ว่ามะเร็งเต้านมจะเป็นโรคที่พบมากอันดับ ที่ 1 ในผู้หญิงทั่วโลก
แต่วิวัฒนาการและเครื่องมือทางการแพทย์ก็ล้ำหน้ามากขึ้นตามไปด้วย
ฉะนั้นไม่ต้องกลัวกับคำว่ามะเร็งเต้านมนะคะ ถ้าเรามาตรวจอย่างสม่ำเสมอ รู้ก่อน
รักษาให้หายขาดได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น