วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559

โรคท้องร่วง (Diarrhea)

โรคท้องร่วง (Diarrhea)


          โรคท้องร่วง ถือเป็นโรคหนึ่งที่คนเป็นกันมาก มักจะเกิดจากการติดเชื้อเมื่อรับประทานอาหาร หรือน้ำที่ไม่สะอาดเข้าไป

          โรคท้องร่วง คือการที่ถ่ายอุจจาระเหลว หรือถ่ายเป็นน้ำมากว่า 3 ครั้งต่อวัน หรือถ่ายเหลวปนเลือดเพียง 1 ครั้งใน 24 ชั่วโมง ทั้งนี้โดยทั่วไป อาการท้องร่วง จะหายเองใน 2-3 วัน โดยไม่ต้องรักษา ถ้าเป็นนานกว่านั้น อาจหมายถึงเป็นอาการอย่างอื่น อย่างไรก็ตามแม้อาการท้องร่วงจะไม่อันตราย แต่จะทำให้ขาดน้ำ ขาดเกลือแร่ ซึ่งถ้าเป็นมากก็ทำให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตได้


สาเหตุ
เกิดจากการกินอาหาร ดื่มน้ำ หรือนมที่มีเชื้อโรคอุจจาระร่วงปะปนอยู่ มีสาเหตุดังนี้

1. เกิดจากการได้รับเชื้อโรคหรือพิษของเชื้อโรค เช่น เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย เข้าไปทางระบบทางเดินอาหาร
2. เกิดจากยาหรือสารพิษต่างๆ เช่นสารตะกั่วที่ปนเปื้อนในอาหาร หรือกินเห็ดพิษเป็นต้น
3. เกิดจากความผิดปกติของทางเดินอาหาร เช่น การดูดซึมของลำไส้เล็กผิดปกติ โรคมะเร็งลำไส้ เป็นต้น
4. จากอารมณ์ตึงเครียด ซึ่งมักเป็นหลังจากกินอาหารใหม่ๆ
5. เป็นโดยไม่ทราบสาเหตุของการเกิดอุจจาระร่วง


อาการ
          ผู้ติดเชื้อโรคท้องร่วง จะมีอาการแน่นท้อง ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายบ่อยครั้งและเป็นน้ำ อาการท้องร่วงแบ่งได้ 2 ชนิด คือ
          1.อาการท้องร่วงเฉียบพลัน คืออาการท้องร่วงที่เป็นทันทีทันใด แต่เป็นระยะสั้นๆ ไม่เกิน2 สัปดาห์
         2.อาการท้องร่วงชนิดเรื้องรัง คือ อาการท้องร่วงที่เป็นติดต่อกันนานกว่า 2 สัปดาห์และบางรายอาจเป็นนานถึงเดือน หรือมีอาการเป็นพักๆ
          ผู้ป่วยท้องร่วงควรพบแพทย์เมื่อมีอาการ ปวดท้องมาก มีไข้มากกว่า 38.5 องศาเซลเซียส ท้องร่วงนานเกิน 3 วัน มีเลือดในอุจจาระ หรืออุจจาระดำ รวมทั้งมีอาการขาดน้ำ คือมักจะหิวน้ำบ่อย ผิวหนังแห้งรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่ค่อยปัสสาวะ รวมทั้งเวลาเปลี่ยนจากท่านอนเป็นยืนจะมีอาการหน้ามืดเป็นลม


การรักษา
          หลักการรักษาโรคท้องร่วงทำได้โดยป้องกันการขาดน้ำ ด้วยการดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ ORS โดยให้จิบทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง ในปริมาณที่เท่ากับปริมาณอุจจาระที่ถ่ายออกมาในแต่ละครั้ง เพื่อป้องกันการขาดน้ำและเกลือแร่ ข้อควรระวัง เมื่อมีอาการท้องร่วง ห้ามรับประทานยาหยุดถ่าย เพราะการขับถ่ายเป็นกระบวนการขับของเสียออกจากร่างกาย หากรับประทานยาหยุดถ่ายจะทำให้ลำไส้ทำงานน้อยลง ซึ่งจะส่งผลให้เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตเข้าสู่กระแสเลือดได้ดีขึ้น


การป้องกัน

1.เลือกรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ ไม่ควรรับประทานอาหารที่ปรุงทิ้งไว้ เพราะอาหารที่ทิ้งไว้นานอาจปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียได้
2.ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำสบู่ทุกครั้ง ทั้งก่อนการเตรียมอาหาร ปรุงอาหาร รวมถึงก่อนรับประทานอาหาร เพื่อให้ปลอดภัยจากเชื้อโรค
3.เก็บรักษาอาหารที่ปรุงสุกแล้วอย่างดี  โดยเก็บในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เชื้อโรคจะไม่เจริญเติบโต และเมื่อนำมาอุ่น ควรอุ่นในอุณหภูมิอย่างน้อย 70 องศาเซลเซียส
4.ดูแลรักษาบ้านโดยเฉพาะห้องครัว ให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันหนู แมลงต่างๆที่เป็นพาหะ
เชื้อโรค
5.ล้างภาชนะและอุปกรณ์ประกอบอาหารให้สะอาดทุกครั้ง และควรใช้ช้อนกลางในการรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น
6.ควรแยกอาหารที่เป็นวัตถุดิบและอาหารที่ปรุงสุกออกจากกัน เพราะเนื้อสัตว์ดิบอาจจะปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียมา นอกจากนี้อาหารที่ปรุงสุกควรใส่ภาชนะที่ปิดสนิท
7.ต้มน้ำให้สุกทุกครั้งก่อนนำมาดื่ม โดยเฉพาะน้ำที่กดมาจากตู้กดทั่วไป เพราะอาจจะมีการปนเปื้อนเชื้อโรคได้


          โรคท้องร่วงแม้จะเป็นโรคที่ไม่รุนแรงและสามารถหายเองได้ แต่เราก็ไม่ควรประมาทเมื่อมีอาการรุนแรงดังกล่าวข้างต้น ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

โรคไบโพล่าร์ (Bipolar Disorder)

Embed from Getty Images  โรคไบโพล่าร์ (Bipolar Disorder)            ปัจจุบันโลกเราทุกวันนี้มีแต่การแข่งขัน แก่งแย่งกันตลอดเวลา จนทำ...