วันจันทร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2561

ออฟฟิศซินโดรม

Embed from Getty Images

ออฟฟิศซินโดรม เป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นกับคนที่ทำงานในออฟฟิศ เนื่องจากลักษณะงานที่ต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์หรือทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยท่าทางซ้ำๆต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งมักจะเกิดที่บริเวณ คอ ไหล่ หลัง ทำให้เกิดความทุกข์ทรมานในการใช้ชีวิตประจำวัน บางท่าทางจะทำให้เกิดการโค้งงอผิดรูปของกระดูกได้ และบางท่าทางทำให้เกิดอาการตึง ยึด จนเกิดอาการปวดในที่สุด


สาเหตุของการเกิดออฟฟิศซินโดรม

  1. การนั่งหน้าคอมพิวเตอร์หรือทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยท่าทางซ้ำๆต่อเนื่องเป็นเวลานานมากกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน 
  2. ท่าทางในการทำงานที่ไม่เหมาะสม เช่น การนั่งหลังค่อม ท่าก้มหรือเงยคอมากเกินไป 
  3. สภาพแวดล้อมหรืออุปกรณ์ในการทำงานไม่เหมาะสม
  4. สภาพร่างกายที่อาจส่งผลต่อการเจ็บป่วย เช่น ภาวะเครียดจากงาน การอดอาหาร การพักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งส่งผลให้ร่างกายต้องแบกรับความตึงเครียดปราศจากการผ่อนคลาย



 5 สัญญาณเตือน!!
  1. อาการปวดหัวเรื้อรัง อาการปวดหัวเรื้อรัง หรือบางทีมีอาการปวดหัวไมเกรนร่วมด้วย สาเหตุเกิดจากความเครียดในการทำงาน หรือการใช้สายตาในการทำงานเป็นเวลานาน เช่นการอ่านเอกสาร การใช้สายตาจ้องหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน แสงบริเวณโต๊ะทำงานไม่เพียงพอ หรือแม้แต่สิ่งแวดล้อมในวันที่ทำงานที่วุ่นวาย ไม่สงบ อาจจะทำให้คุรเกิดความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว
  2. อาการปวดตึงที่คอ บ่า และไหล่แบบเรื้อรัง สาเหตุของอาการนี้มาจากอะไรสังเกตง่ายๆ ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์นานกว่า 8 ชั่วโมง อยู่กับกองเอกสารทั้งวัน แล้วมีอาการปวดตึงต้นคอ ปวดบ่า ปวดไหล่อยู่บ่อยๆ หรือบางทีปวดจนหันคอลำบาก ก้มก็ร้องโอย เงยก็ร้องโอย นั่นแหละคืออาการของโรคออฟฟิศซินโดรม 
  3. อาการปวดหลัง อาการปวดหลังนั้น สังเกตได้ง่ายๆเลยเพราะเป็นอาการยอดฮิตอันดับต้นๆเลย สาเหตุของโรคนี้เกิดจากการที่เรานั่งทำงานติดต่อกันเป็นเวลานานๆทั้งวัน หรือเป็นงานที่ต้องยืนนานๆ โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่ใส่ส้นสูงเป็นประจำนั้น อาการของการปวดหลังนั้นคงจะหลีกเลี่ยงได้ยากแน่ๆ 
  4. ปวดแขน มือชา นิ้วล็อค สาเหตุของอาการนี้เกิดจากการอักเสบของปลอกหุ้มเอ็นข้อมือ เส้นเอ็นนิ้วมือ ซึ่งมาจากการที่เราใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ในการจับเมาส์ พิมพ์เอกสารในท่าเดิมๆเป็นเวลานานๆจึงทำให้กล้ามเนื้อกดทับเส้นประสาทจนเกิดพังผืดยึดจับบริเวณนั้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ปวดปลายประสาท นิ้วล็อค หรือข้อมือล็อคได้ 
  5. อาการปวด ตึงที่ขา หรือเหน็บชา ลองสังเกตอาการนี้ง่ายๆว่าคุณเป็นเหน็บชาบ่อยหรือเปล่า หรืออยู่ดีๆขาไม่มีแรง อาการเหล่านี้เกิดจากการนั่งทำงานนานๆทำให้เส้นเลือดดำถูกกดทับและส่งผลให้เลือดไหลเวียนผิดปกติจึงเกิดอาการเหน็บชาได้ง่าย หากมีอาการแต่ไม่รีบรักษาปล่อยไว้ในระยะเวลานาน อาจเกิดอาการชาลามไปถึงข้อเท้า ขาไร้เรี่ยวแรงแล้วละก็ การเดินของท่านอาจถึงขั้นทรุด เดินไม่ได้เลยก็เป็นได้




วิธีหลีกเลี่ยงอาการออฟฟิศซินโดรม 
เพียงแค่ในวันการทำงาน ควรแบ่งเวลาในการพักผ่อนบ้าง หรือระหว่างทำงานก็ควรยืดเส้นยืดสาย กายบริหารด้วยท่าง่ายๆ ที่ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลุกเดินบ้าง ออกไปสูดอากาศนอกห้องบ้าง ถือเป็นการพักสายตาไปในตัวได้ด้วย จัดระเบียบห้องให้โล่งสดใสบ้าง ผ่อนคลายปรับเก้าอี้ ปรับการวางคอมพิวเตอร์ดูว่าเหมาะสมหรือเปล่า พอดีกับเราหรือไม่ อาการที่กล่าวมาข้างต้นจะไม่เกิดขึ้นกับคุณแน่นอน

Embed from Getty Images


แนวทางการรักษากลุ่มออฟฟิศซินโดรม 
  1. การรักษาด้วยยา
  2. การรักษาด้วยวิธีทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูและการทำกายภาพบำบัดเพื่อยืดกล้ามเนื้อและปรับอิริยาบถให้ถูกต้อง  
  3. การปรับสถานีงาน พื้นที่การทำงาน สภาพแวดล้อมในการทำงาน และลักษณะงานให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล 
  4. การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มสมรรถภาพร่างกายโดยรวม 
  5. การรักษาด้วยศาสตร์ทางเลือกอื่น เช่น การฝังเข็ม การนวดแผนไทย
          อย่ารอให้อาการออฟฟิศซินโดรมถามหาในระยะที่เป็นหนัก เพราะนอกจากจะต้องเสียเวลาจนไม่ได้ทำงานอย่างที่ใจคิดแล้ว ยังเสียเงินพบแพทย์ และเสียเวลาทำกายภาพบำบัด หรือทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง ออฟฟิศซินโดรมไม่ได้เกิดขึ้นภายในวันสองวัน เราใช้เวลาร่วมเดือนร่วมปีถึงจะมีอาการออกมา เพราะฉะนั้นตอนรักษาให้หาย ก็ไม่ได้ใช้เวลารวดเร็วอย่างที่ใจอยากให้เป็นแน่นอน ดูแลสุขภาพกันให้ดีๆจะได้แข็งแรง ทำงาน ไปเที่ยว และใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เรารักไปนานๆ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

โรคไบโพล่าร์ (Bipolar Disorder)

Embed from Getty Images  โรคไบโพล่าร์ (Bipolar Disorder)            ปัจจุบันโลกเราทุกวันนี้มีแต่การแข่งขัน แก่งแย่งกันตลอดเวลา จนทำ...